มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง facebook
สวัสดีครับวันนี้ผมจะพามาเพื่อนมารูจักกับเด็กหนุ่มคนชื่อว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ชายหนุ่มวัย 23 ปี ผู้ก่อตั้งเว๊ปไซต์เครือข่ายสังคมชื่อดัง "เฟซ บุค" ที่เดินตามรอย เกตต์วไปดูกันนะครับเขาทำยังไง ด้วยวัย 23 มีทรัพย์สินมากว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่ สุดในโลกประจำปี 2551 ของนิตยสารฟอร์บ แม้วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้รับการจัดอันดับ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด แซงหน้า บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ที่หล่นไปอยู่อันดับ 3 ตามหลัง คาร์ลอส สลิม เฮลู นักธุรกิจโทรคมนาคมชาวเม็กซิกัน แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเว๊ปไซต์เครือข่ายสังคมชื่อดัง "เฟซ บุค" ชายหนุ่มวัย 23 ปี ที่เดินตามรอย เกตต์
บัฟเฟตส์ มีสินทรัพย์เพิ่มจาก 10,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 62,000 ล้านดอลลาร์ อันดับสองคือ คาร์ลอส สลิม เฮลู ผู้มีสินทรัพย์เพิ่มเป็นเท่าตัว ภายในเวลาเพียง 2 ปี เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน เกตส์ มีสินทรัพย์รวม 58,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2,000 ล้านดอลลาร์ จากปี 2007 แต่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แม้จะมีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน บาทเท่า เกตต์ และยังติดอันดับ 785 อยู่ แต่จำนวนทรัพย์สิน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของหนุ่มวัย 23 ปี อนาคตเขาอาจจะมีมากกว่า เกตต์ ก็เป็นได้
มาร์ค เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม 1984 เขาเรียน คอมพิวเตอร์ โปรแกรม และผู้ประกอบการ ที่ฮาวาร์ด แต่ไม่ทันเรียนจบ ก็ลาออกมาเปิดเวบไซต์ที่ชื่อว่า www.facebook.comเป็นชุมชนออนไลน์ หรือSocial-Networking Site เป็นการเดินตามรอย บิลล์ เกตส์ ที่ลาออกมาเปิดไมโครซอฟต์ และเพียง 3 ปี มาร์ค สามารถทำให้เวบไซต์ของ เป็นที่นิยมติดอันดับ 6 อเมริกา มีคนสมัครเป็นสมาชิก 19 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ติดอันดับ 500 ของ ฟอร์บ� และเป็นเวบที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเว็บที่ผู้ใช้ Upload รูปขึ้นไปเก็บไว้มากเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ โดยมีจำนวนรูปที่ถูก Upload มากถึง 6 ล้านรูปต่อวัน และกำลังเริ่มจะเป็นคู่แข่งกับ Google และเว็บยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในการดึงดูดวิศวกรรุ่นใหม่ใน Silicon Valley นักวิเคราะห์คาดว่า Facebook จะทำรายได้ 100 ล้านดอลลาร์ในปี 2008
ความโด่งดังของwww.facebook.comทำให้ yahoo เจรจาขอซื้อเวบไซต์นี้ด้วยเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ แต่ซัคเคอร์เบิร์กได้ปฏิเสธข้อเสนอ รวมถึง Viacom ได้มีข้อเสนอซื้อ Facebook ด้วยเงิน 750 ล้านดอลลาร์ และได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน
การปฏิเสธเงินมหาศาลนี้ เพราะมาร์ค ต้องการสร้างเวบไซต์ในระยะยาว เขาและเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง ประกอบด้วย Dustin Moskovitz วัย 22 เพื่อนร่วมห้องที่ Harvard ซึ่งรับผิดชอบด้านวิศวกรรมของ Facebook และ Adam DAngelo วัย 23 ปี เพื่อนร่วมโรงเรียนของ Zuckerberg ซึ่งรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีของ Facebook ต่างมีความเชื่อมั่นศรัทธาว่า การเปิดกว้าง ความร่วมมือ และการแบ่งปันข้อมูล
ปูมหลังนั้น มาร์ค เคยเป็น Hacker แต่เป็น Hacker ที่นำความรู้ที่ทุกคนมีออกมาให้ค นอื่นรับทราบ เขาคิดทำทำเนียบนักศึกษา ผ่านระบบออนไลน์ แต่ฮาร์วาร์ด บอกว่า ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลได้ เขาเลยเจาะทะเบียนประวัตินักศึกษา ของฮาร์วาร์ด เพื่อทำหนังสือรุ่นออนไลน์ facemash โดยสุ่มเลือกรูปนักศึกษา 2 คนขึ้นมา และให้ผู้เข้าเวบเลือกว่า ใครฮอตกว่ากัน มีคนเข้าเวบของเขา 450 คน ในเวลา 4 ชั่วโมง มีสถิติการเข้าชมภาพ 22,000 ครั้ง ฮาร์วาร์ด จึงสั่งห้ามเขาใช้อินเตอร์เน็ต
ต่อมา มาร์ค สามารถทำทะเบียนรุ่นของฮาร์วาร์ดได้สำเร็จผ่าน face book และมีหลายโรงเรียนติดต่อให้เขาทำทะเบียนรุ่นให้ด้วย จึงเกิดพื้นที่ใหม่ใน face book จำนวนมาก และมีโฆษณาทีทำให้เขามีรายได้หลายพันดอลลาร์ เป็นธุรกิจที่กำลังไปได้ดี
เขาเคยประสบปัญหา เมื่อเปิดให้มีการลงทะเบียนแบบเปิด ทำให้มีข้อมูลของสมาชิกเปิดเผยไปถึงบุคคลอื่นทำให้มีคน 700,000 คน ประท้วงเขา จนเขาต้องออกมาขอโทษและจัดทำระบบป้องกัน จนผ่านอุปสรรคไปได้
ปัจจุบัน มาร์ค ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเช่า และยังเดินหรือขี่จักรยานไปทำงานทุกวัน ที่สำนักงานใหญ่ของ Facebook ใน Palo Alto แคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีพนักงาน 200 คน ซึ่งแต่ละคนได้รับเงินเดือนสูงและสวัสดิการที่ดีเยี่ยม� ล่าสุด เขาได้ดึงตั วชอร์ริล แซนด์เบิร์ก รองประธานฝ่ายขายของกูเกิล มาเป็นผู้บริหารดูแลเรื่องการทำการตลาด ดูแลฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และการปฏิบัติงานรายวันอื่นๆด้วย เป็นก้าวย่างที่น่าสนใจของ facebook
Facebook มีรายได้ส่วนใหญ่จากการโฆษณาและ ผู้อุปถัมภ์ Apple เป็นผู้สนับสนุนรายแรกๆ ส่วนลูกค้ารายใหญ่คือ Microsoft ซึ่งจะลงโฆษณาบน Facebook ไปจนถึงปี 2011 ยังมี JPMorgan Chase และ Southwest และ Facebook ยังเพิ่งตกลงที่จะทำ Facebook Diaries รายการชุดที่จะฉายทั้งในเว็บ Facebook และ Ziddio.com เว็บ Video-Uploading ของ Comcast รวมทั้งขายผ่านบริการ Vidio-on-Demand ของ Comcast ด้วย
มาร์ค เดินมาที่ แคลิฟอร์เนียด้วยมือเปล่า เพียง 3 ปี เขามีทรัพย์สิน นับพันล้านบาทแล้ว เขาเพิ่งได้ รับเชิญไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมผู้นำการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่เมือง Davos สวิตเซอร์แลนด์ด้วย
เป็นความสำเร็จของคนหนุ่มวัย 23 ปี คนในยุคไอที�ที่ชื่อ Mark Elliot Zuckerberg
ข่าวจากหนังสือพิมพิ์ไทยรัฐ * โดย มิสแซฟไฟร์
* 20 มีนาคม 2553, 05:01 น.
--รวยไม่เกรงใจใคร---
เหลือเชื่อยิ่งกว่าเหลือเชื่อ จากเด็กหนุ่มไร้ปริญญา ไม่มีรถขับ ไม่มีงานทำ บ้านก็ต้องเช่าข้าวก็ต้องซื้อมาจนถึงทุกวันนี้ ดอกผลจากความพยายามไม่ลดละ บวกกับความอัจฉริยะเหนือชั้น ทำให้แฮ็กเกอร์หนุ่มจากฮาร์วาร์ด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนรวยระเบิดเถิดเทิง ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดอันดับหนึ่งของโลก ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้งตัวเอง ภายในเวลาแค่ 6 ปี โดยเมื่อกลางปีก่อน เพิ่งขายเศษหุ้นให้ นายทุนรัสเซียไปได้ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจุบันสร้างสินทรัพย์เข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!!
อะไร จะรวยง่ายรวยคล่องขนาดนั้น?! แต่ก็ต้องยอมรับในความเนื้อหอมของหนุ่มน้อยวัย 25 ปีคนนี้ ผู้ก่อตั้ง Facebook ให้เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก สาเหตุที่เฟซบุ๊กเนื้อหอม มีแต่นักลงทุนรุมตอมอยากจะดองด้วย ก็เพราะฐานลูกค้าของเฟซบุ๊กเติบโตอย่างรวดเร็วราวกับติดจรวด จากจำนวนผู้ใช้ในยุคก่อตั้งสตาร์ตไม่ถึงล้านคน ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการทะยานขึ้นเป็น 400 ล้านคนทั่วโลกแล้ว โดย 70% เป็นลูกค้าที่อยู่ นอกประเทศสหรัฐอเมริกา...สำหรับนายทุนใหญ่ๆแล้ว ดีดลูกคิดยังไงจึงคุ้ม ยิ่งกว่าคุ้ม เมื่อได้แลกกับการเข้าถึงฐานลูกค้าของเฟซบุ๊ก
ก็เพราะอย่างนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่รุ่นพี่ฮาร์วาร์ดเช่น "บิลล์ เกตส์" ผู้สร้างตำนานลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาก่อตั้งไมโครซอฟท์ จะเป็นนักลงทุนรายแรก ที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แลกกับหุ้นเฟซบุ๊กเพียงน้อยนิด แค่ 1.6% เมื่อปลายปี 2007 ตั้งแต่เฟซบุ๊กให้ บริการมาได้แค่ 3 ปี และมีผู้ใช้บริการเพียง 50 ล้านคน ขณะนั้น รายได้ ของเฟซบุ๊กก็ยังไม่มาก มายเท่าทุกวันนี้ โดยสามารถทำเงินเพียง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีสินทรัพย์รวมไม่ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
กระนั้น การตัด สินใจของไมโครซอฟท์ หนุนส่งให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในชั่วข้ามคืน ช่วงเวลานั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไมโครซอฟท์คงกินยาผิด ถึงได้ตัดสินใจขี่ช้างจับตั๊กแตนขนาดนั้น แต่นักวิเคราะห์ที่รู้จริงกลับเดาทางถูกว่า เงินแค่ 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่ไมโครซอฟท์หมายมั่นปั้นมือ นั่นคือ การแลกกับสินทรัพย์มหาศาลที่มองไม่เห็นในงบดุล จากการเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนหลายสิบหลายร้อยล้านคนของเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ และลูกค้าในวัยหนุ่มสาว ซึ่งไมโครซอฟท์ยังเข้าไม่ถึง
และผลจากความเนื้อหอมครั้งนี้ ทำให้ชื่อของ "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ติดทำเนียบบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกเป็นครั้งแรก จากการจัดอันดับของนิตยสารไทม์ เมื่อปี 2008 ขณะอายุแค่ 23 ปี และยังได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่อายุน้อยที่สุดในโลก ที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง โดยมีสินทรัพย์ในครอบครอง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีค่ายอินเตอร์เน็ตใหญ่ๆหลายราย รวมถึง Google และ Yahoo ตามขายขนมจีบ อยากขอซื้อหุ้นเฟซบุ๊ก เพื่อแบ่งปันความรวยบ้าง แต่ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกลของซีอีโอหนุ่มไฟแรงแห่งเฟซบุ๊ก เขากลับตัดสินใจขายหุ้นนิดหน่อยให้กับกลุ่มนักลงทุนอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ สัญชาติรัสเซีย "ดิจิตอล สกาย เทคโนโลยีส์" หรือ DST เพื่อแลกกับการเจาะตลาดเฟซบุ๊กในแถบรัสเซีย และยุโรปตะวันออก ซึ่ง DST เป็นเจ้าธุรกิจและนายทุนใหญ่คุมตลาดอินเตอร์เน็ตทั้งภูมิภาคดังกล่าว
ดี ลประวัติศาสตร์อีกครั้งของเฟซบุ๊ก ตกลงกันสำเร็จเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว โดยฝ่ายนายทุนหมีขาวใจป้ำยินดีจ่ายเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แลกเปลี่ยนกับหุ้นบุริมสิทธิแค่ 1.96% ของหุ้นเฟซบุ๊ก ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่ารวม 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมรับปากว่าจะไม่มีตัวแทนในบอร์ดบริหาร และไม่ก้าวก่ายเรื่องการบริหาร ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญของเฟซบุ๊กตลอดมา
ถึงแม้จะร่ำรวยทั้งเงินทอง และชื่อเสียงชนิดหาตัวจับยาก แต่ทุกวันนี้ ซีอีโอหนุ่มแห่งเฟซบุ๊กยังคงใช้ชีวิตสมถะไม่แตกต่างจากเดิม เขาชอบสวมสเวตเตอร์เชิ้ตสีน้ำตาล กับกางเกงสแล็กสีกากีง่ายๆ และรองเท้าแตะอาดิดาสคู่โปรด ยังคงเช่าอพาร์ตเมนต์เล็กๆ อยู่ใกล้ออฟฟิศทำงานย่านพาโล อัลโต ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เหมือน เมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งเฟซบุ๊กใหม่ๆ ภายในห้องมีแค่ฟูกนอนราคาถูก โต๊ะทำงานตัวเดียว กับเก้าอี้สองตัว ส่วนอาหารเช้าของมหาเศรษฐีหลายพันล้าน ก็ยังเป็นซีเรียลใส่นมในชามกระดาษกับช้อนพลาสติก และใครจะเชื่อว่าเขายังขี่จักรยาน หรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน...โคตรฉลาดและสมถะขนาดนี้ ถ้าไม่รวยก็บ้าแล้ว!!
มิสแซฟไฟร์
เอาล่ะครับเป็นไงบ้างกับทบความที่ผมนำมาให้อ่าน ไว้ติดตามในบทต่อไปนะครับ
TEE_N72
แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก}Mark Elliot Zuckerberg,มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก,หารายได้พิเศษ,งาน parttime,งานนอกเวลา,ทำงานที่บ้าน,หางานออนไลน์,ขาย ตรง mlm,ธุรกิจเครือข่าย,ธุรกิจ ออนไลน์,mlm online,ธุรกิจ mlm,aimstar,รายได้เสริมทำที่บ้าน,GDI,action marketing,ความสวยธุรกิจเครือข่าย,รายได้เสริม,21millionaire,ธุกิจเครือข่ายคืออะไร,minery gold,minery
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น